1. ฤดูร้อนโลกจะเคลื่อนที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด
ผิด !เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันมากที่สุด คนส่วนใหญ่เข้าใจกันว่าฤดูร้อนเกิดจากการที่โลกเคลื่อนที่เข้าใกล้ดวง อาทิตย์ และฤดูหนาวมีอากาศหนาวเกิดจากการที่โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ จริงอยู่ที่ว่าโลกเรานั้นมีบางช่วงที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ และบางช่วงที่ถอยห่างจากดวงอาทิตย์ เนื่องจากโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรีเช่นเดียวกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ แต่วงรีนี้เป็นวงรีที่มีความรีน้อยมาก หรือกล่าวได้ว่าเกือบจะเป็นวงกลม ดังนั้นระยะห่างจากโลกถึงดวงอาทิตย์ของสองช่วงนี้จึงแตกต่างกันน้อยมากซึ่ง แทบจะไม่มีผลต่ออุณหภูมิเลย ยิ่งกว่านั้น ยังพบว่า ในฤดูหนาวโลกกลับอยู่ใกล้จากดวงอาทิตย์มากกว่าในฤดูร้อนเสียอีก แปลกใหมล่ะ?
แกนของโลกชี้ไปที่จุด ๆ เดียวในขณะที่โคจรรอบโลก ทำให้ซีกใดซีกหนึ่งของโลก
เอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ในฤดูกาลหนึ่ง ๆ
กลไกสำคัญที่ทำให้เกิดฤดูกาลที่แท้จริงคือ ความเอียงของโลก โลกมีแกนเอียง 23.5 องศากับแนวตั้งฉากกับระนาบของระบบสุริยะ ดังนั้นจึงมีบางช่วงที่โลกหันซีกโลกเหนือเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ ส่วนซีกโลกใต้ก็หันเอียงออกจากดวงอาทิตย์ ช่วงนี้เองที่เป็นฤดูร้อนของซีกโลกเหนือ เนื่องจากแสงจากดวงอาทิตย์ส่องพื้นผิวโลกในส่วนที่เป็น- ซีกโลกเหนือในปริมาณมากกว่ามุมที่แสงแดดตกกระทบพื้นดินก็เป็นมุมมากกว่า และกลางวันก็ยาวกว่ากลางคืน ยกตัวอย่างเช่นประเทศไทย โลกจะหันประเทศไทยเข้าหาดวงอาทิตย์โดยตรงในช่วงเดือน- มีนาคมจนถึงพฤษภาคม ในขณะที่ทางประเทศออสเตรเลียเป็นช่วงฤดูหนาว เนื่องจากแสงแดดตกกระทบพื้นดินเป็นปริมาณน้อยกว่า และมีช่วงเวลากลางวันสั้นกว่าเวลากลางคืน เมื่อย่างเข้าช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม โลกจะหันด้านใต้เข้าหาดวงอาทิตย์แทน ฤดูกาลก็จะสลับกัน ช่วงนี้จะเป็นฤดูร้อนของทางซีกโลกใต้และเป็นฤดูหนาวของทางซีกโลกเหนือ
คริสต์มาสที่ประเทศออสเตรเลียไม่มีหิมะ ไม่ต้องใส่ชุดหนา ๆ แต่ผู้คนจะไปเที่ยวตามชายหาด ปักต้นคริสต์มาสบนหาดทราย ฉลองคริสต์มาสและเล่นน้ำทะเลตามประสาหน้าร้อน
แกนเอียงของโลกทำให้พื้นที่ในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ได้รับ
ปริมาณแสงแดดไม่เท่ากัน
2. หางของดาวหางเกิดจากการเคลื่อนที่ของดาวหางเอง
ผิด !ดาวหางเฮล-บอปป์ |
แท้จริงแล้วหางของดาวหางไม่ได้เกิดจากการเคลื่อนที่ของดาวหาง แต่หางของดาวหางนั้นเกิดจากลมสุริยะซึ่งเป็นกระแสธารของอนุภาคประจุไฟฟ้า พลังงานสูงที่พัดมาจากดวงอาทิตย์ หัวของดาวหางมีองค์ประกอบเป็นน้ำแข็งและฝุ่นเป็นส่วนใหญ่ เมื่อดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ จะได้รับความร้อนและลมสุริยะจากดวงอาทิตย์ ทำให้น้ำแข็งในหัวของดาวหางเกิดการระเหิดเป็นก๊าซและพ่นออกมาจากรูเล็กรู น้อยในหัวดาวหาง และน้ำแข็งและฝุ่นก๊าซเหล่านี้ก็จะถูกลมสุริยะพัดออกไปตามทิศทางของลมสุริยะ ดังนั้นเราจึงเห็นว่าหางของดาวหางนั้นจะมีทิศทางชี้ไปทางตรงข้ามกับดวง อาทิตย์เสมอ
หางของดาวหางไม่ลู่ไปตามทิศทางการเคลื่อนที่ แต่ชี้ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ |
3. กล้องตัวนี้เห็นได้ไกลกี่กิโลเมตรครับ?
เชยแหลก ! คนที่ถามแบบนี้เรียกว่าเชยที่สุด กล้องโทรทรรศน์ กล้องส่องทางไกลหรือกล้องสองตา ต้องวัดกำลังขยายเป็น "เท่า" เช่น 32 เท่า หมายถึงกล้องตัวนี้จะสามารถดึงภาพให้ใกล้เข้ามา 32 เท่า ซึ่งกล้องจะดึงภาพจากทุกระยะเข้ามา 32 เท่า ๆ กันหมด ต้นไม้อยู่ห่าง 32 เมตรก็จะเห็นในกล้องเหมือนกับอยู่ข้างหน้าแค่ 1 เมตร ภูเขาอยู่ห่าง 32 กิโลเมตร ก็จะดูเหมือนอยู่ใกล้ 1 กิโลเมตรดาวที่อยู่ไกล 320 ปีแสง ก็จะดูใกล้เหมือนกับดาวอยู่ห่าง 10 ปีแสงดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลก 384,000 กิโลเมตร ถ้าเอากล้องตัวนี้มาส่องดู ก็จะเหมือนกับอยู่ใกล้4. องศาเคลวิน
ไม่รู้จัก !ไม่มีหน่วยนี้ในวิชาวิทยาศาสตร์ อุณหภูมิสัมบูรณ์ของพลังงานความร้อนนั้นมีหน่วยเป็น เคลวิน ไม่ใช่ องศาเคลวิน อุณหภูมิต่ำสุดที่เป็นไปได้คือ 0 เคลวิน หรือ -273 องศาเซลเซียส ดูเหมือนกับคำว่าองศาเคลวินจะถูกนำไปใช้กันอย่างผิด ๆ บ่อยกว่าคำว่าเคลวินเสียอีก ฝรั่งเองก็หลงอยู่บ่อย ๆ
5. Astronomy & Astrology
ระวัง !คำคู่นี้มีผู้เข้าใจผิดนำไปใช้สลับกันอยู่บ่อย ๆ Astronomy คือ ดาราศาสตร์ ส่วนคำว่า Astrology คือโหราศาสตร์
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ต้องมีบางข้อแน่เลย ที่ผู้อ่านยังเข้าใจผิดอยู่ ก็ลองรับข้อมูลที่ถูกต้องไปนะครับ จะได้นำไปบอกลูกหลานได้ถูก
ขอขอบคุณ
สมาคมดาราศาสตร์ไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น